บ้านถูกสร้างขึ้นบนความเงียบสงบ, ความรัก, และความเมตตา

แหล่งที่มา : http://onislam.net/english/reading-islam/living-islam/islam-day-to/family/450492-homes-are-built-on-love.html
โดย Sheikh Mohammed al-Ghazali

มีเงื่อนไขที่จำเป็นสามประการสำหรับบ้านมุสลิมทุกแห่งเพื่อปฏิบัติตามภารกิจของตน. พวกเขาเป็นความเงียบสงบ, รัก, และความเมตตา.
ฉันหมายถึงความพึงพอใจอย่างเงียบ ๆ. สามีควรพอใจกับภรรยาของเขาและในทางกลับกันโดยสิ้นเชิง. ความรักคือความรู้สึกร่วมกันที่ทำให้ความสัมพันธ์เป็นสิ่งที่มีความสุขและสนุกสนานและความเมตตาเป็นพื้นฐานของลักษณะที่ดีทั้งหมดในผู้ชายและผู้หญิง.

พระเจ้า, บอกศาสดามูฮัมหมัด (สันติภาพพวกเขา) ในอัลกุรอาน:“ดังนั้นจึงเป็นเพราะความเมตตาจากพระเจ้าที่คุณจัดการกับพวกเขาเบา ๆ, และถ้าคุณหยาบ, ใจแข็ง, พวกเขาจะแยกย้ายกันไปจากรอบตัวคุณอย่างแน่นอน” (al-Mai'dah 3: 159)

ความเมตตาไม่ใช่ความเห็นอกเห็นใจชั่วคราว. มันค่อนข้างไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง, ศีลธรรมอันสูงส่ง, และทัศนคติที่มีเกียรติ.

บ้านที่มีพื้นฐานมาจากความเงียบสงบที่มั่นคง, ความรักที่มุ่งมั่น, และเมตตากรุณา, ทำให้การแต่งงานเป็นพรที่ดีที่สุดบนโลก. บ้านนี้จะเอาชนะอุปสรรคทั้งหมดและจะผลิตเด็กที่ดีเท่านั้น! ฉันมีความรู้สึกว่าภาวะแทรกซ้อนและปัญหาส่วนใหญ่ที่เด็กมีนั้นเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ผิดปกติและความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องระหว่างพ่อแม่ของพวกเขา!

ผู้อ่านอาจถาม: คุณกำลังบอกว่าอารมณ์เป็นทุกอย่างและวิธีการที่เป็นรูปธรรมนั้นไม่มีความสำคัญ? คำตอบของฉันคือไม่. มีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่นำไปสู่ความสำเร็จของการแต่งงาน, นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น.

Sa`d Ibn Abi Youth บรรยายว่าศาสดามูฮัมหมัดกล่าวว่า: “สามสิ่งมีส่วนช่วยให้คุณมีความสุข: (1) ภรรยาที่คุณชอบและไว้วางใจว่าเธอดูแลเงินของคุณ, (2) การนั่งเร็วที่ช่วยให้คุณติดต่อกับเพื่อน ๆ ได้, (3) และบ้านหลังใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย. และสามสิ่งมีส่วนทำให้ความทุกข์ยากของคุณ: (1) ภรรยาที่คุณรู้สึกไม่ดีว่าใครจะทำร้ายคุณด้วยคำพูดของเธอ, และเมื่อคุณไม่อยู่คุณไม่ไว้ใจเธอที่จะดูแลตัวเองหรือเงินของคุณ, (2) สัตว์ขี้เกียจที่คุณขี่, ความเหนื่อยล้าของคุณถ้าคุณผลักมันและไม่พกคุณถ้าคุณไม่ผลักมัน, (3) และบ้านหลังเล็ก ๆ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่กี่แห่ง” (อัลบานี)

เป็นเรื่องธรรมดาที่เราทำสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขและหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข. หะดีษหนึ่งกล่าวว่า: “ ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคุณ, ขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า, และไม่เคยรู้สึกหมดหนทาง” (มุสลิม)

เป็นสิทธิของมุสลิมทุกคนที่จะแสวงหาบ้านหลังใหญ่ที่ช่วยให้เขา/เธอทำงานได้และมีประสิทธิผล. เป็นสิทธิของมุสลิมทุกคน, ด้วย, เพื่อเกลียดการขนส่งที่ไม่สะดวก, สิ่งอำนวยความสะดวกไม่เพียงพอ, และเพื่อนที่น่ากลัว!

ศาสนาไม่ได้ปฏิเสธความต้องการความสะดวกสบายของมนุษย์ตามธรรมชาติ, ความพึงพอใจ, และความสุข. เมื่อผู้ชายหรือผู้หญิงพยายามแต่งงาน, เขา/เธอควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสิ่งที่เขา/เธอชอบมีอยู่ในคู่อื่น ๆ. หากการแต่งงานพิสูจน์ให้เห็นว่าคู่อื่นเป็นสิ่งที่ดี, แล้วการแต่งงานครั้งนี้ก็ยอดเยี่ยมแค่ไหน! มิฉะนั้น, อนาคตของทั้งคู่ไม่ จำกัด.

ฉันสังเกตเห็นว่าผู้ชายบางคนในขั้นตอนการเสนออ้างว่ามีศีลธรรมบางอย่าง, ตัวอย่างเช่น, ความเมตตาหรือความเอื้ออาทร, ในขณะที่พวกเขาไม่มีพวกเขาจริงๆ! ความเป็นจริงที่น่าตกใจปรากฏขึ้น, แน่นอน, ทันทีหลังจากการแต่งงานของการแต่งงาน! ผู้ชายบางคนอาจสัญญากับสินสอดทองหมั้นก่อนการแต่งงานและไม่เคยทำตามสิ่งที่พวกเขาสัญญาไว้. อิสลามเตือนจากคนป่วยและคิดว่าพวกเขาทรยศและขี้โกง. สุนัตกล่าว: “ ถ้าผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงหลังจากสัญญากับเธอ, ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่, ไม่เคยมีความตั้งใจที่จะจ่ายเงินให้เธอในสิ่งที่เขาสัญญาไว้, แล้วเสียชีวิตโดยไม่ต้องจ่ายเงิน, เขาจะได้พบกับอัลลอฮ ณ ในฐานะผู้ล่วงประเวณี. และถ้าผู้ชายยืมเงินโดยไม่ตั้งใจที่จะจ่ายคืนและจากนั้นเสียชีวิตโดยไม่ต้องจ่ายหนี้ของเขา, เขาจะได้พบกับอัลเลาะห์ในปรโลกเป็นขโมย” (อัลบานี)

การแต่งงานไม่ใช่การผจญภัยที่ผ่านไป! มันเป็นความสัมพันธ์ในชีวิต, พันธสัญญาที่มั่นคง, และเป็นหุ้นส่วนที่จริงจังมาก. สิ่งที่สามีหรือภรรยาสัญญาไว้ก่อนที่จะมีการแต่งงานควรดำเนินการจดหมายหลังจากการแต่งงาน. จริงๆแล้ว, การจ่ายสินสอดทองหมั้นเป็นเพียงตัวอย่างของการปฏิบัติตามสัญญา. ถ้าผู้ชาย, ตัวอย่างเช่น, สัญญาว่าจะใจดีหรือให้อภัยและแสดงตัวเองในลักษณะนี้ก่อนการแต่งงาน, จากนั้นเขาจะต้องใจดีและให้อภัยหรืออย่างน้อยก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้บรรลุคุณสมบัติเหล่านั้นหลังจากการแต่งงาน! พระเจ้าอวยพรผู้ที่ซื่อสัตย์และทำให้ชีวิตของพวกเขามีความสุขตลอดเวลา. ผู้หญิงอาจ, เต็มใจ, ยอมแพ้สินสอดทองหมั้นของเธอ, โดยสิ้นเชิงหรือบางส่วน, เมื่อเธอรู้ว่าสามีของเธอเป็นคนดีและมีศีลธรรมที่แท้จริง! ตั้งแต่เธอให้เขาเอง, เธอไม่รังเกียจที่จะให้เงินกับเขา.

ผู้ชายบางคนคิดว่าพวกเขามีสิทธิ์และไม่มีหน้าที่! พวกเขาอาศัยอยู่ในเปลือกของความเห็นแก่ตัวของพวกเขาและไม่เคยคิดเกี่ยวกับสิ่งที่คู่อื่นรู้สึก! บ้านมุสลิม, อย่างไรก็ตาม, ต้องพบในฐานยุติธรรมต่อไปนี้, “และผู้หญิงจะมีสิทธิคล้ายกับสิทธิของพวกเขา, ตามสิ่งที่เท่าเทียมกัน; แต่ผู้ชายก็มีดีกรี (ความรับผิดชอบ) เหนือพวกเขา” (อัลบาการาห์ 2: 228)

อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้, ปริญญานี้เป็นความรับผิดชอบของความเป็นผู้นำที่ชายคนนั้นสันนิษฐานเหนือครอบครัวของเขา. ทุกองค์กรต้องมีความเป็นผู้นำ. เห็นได้ชัดว่าการเป็นผู้นำของผู้ชายไม่ได้, โดยวิธีการใด ๆ, ลดความคิดเห็นและความต้องการของภรรยาของเขาลดลง, ไม่ว่าจะเป็นสังคมหรือวัตถุนิยม.

ภาระผูกพันทางสังคมของการเป็นบุคคลที่แต่งงานแล้วต้องการลักษณะบางอย่าง. หากลักษณะเหล่านี้ขาดไปจากบุคคลบางคน, จะดีกว่าสำหรับเขา/เธอที่จะยังคงเป็นโสด. สิ่งนี้ใช้กับทั้งชายและหญิง. ตัวอย่างเช่น, ถ้าผู้หญิงคนนั้นแข็ง, ไม่มีความเห็นอกเห็นใจใด ๆ, และไม่ได้พิจารณาถึงความต้องการทางอารมณ์ของผู้อื่น, ถ้าอย่างนั้นเธอก็ยังคงเป็นโสดเพราะเธอจะไม่สามารถเป็นภรรยาและแม่ที่ดีได้! ให้เราสมมติว่าสามีของเธอในบางจุดป่วยหนักและพวกเขาไม่สามารถหาพยาบาลที่ได้รับการว่าจ้างที่เต็มใจดูแลเขาเป็นอย่างดี. ในกรณีนี้, ภรรยาของเขาควรจะอดทนกับเขามากกว่าใคร, กรุณาดูแลเขา, และสวดอ้อนวอนให้เขา!

ตรรกะของ Love นั้นแตกต่างจากตรรกะของ 'ผลประโยชน์ร่วมกัน' ในการค้าขาย! ผู้ชายหลายคนเสียสละชีวิตเพื่อครอบครัวของพวกเขาและผู้หญิงหลายคนก็ทำเช่นเดียวกัน.
________________________________________
อ้างอิง: นี่เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือที่แปลโดย Sheikh al-Ghazali ชื่อ “ผู้หญิงมุสลิมระหว่างประเพณีย้อนหลังและนวัตกรรมสมัยใหม่”. หนังสือเล่มนี้แปลโดยดร.. Jasser Auda, ศาสตราจารย์ที่คณะศึกษาอิสลามกาตาร์ (QFIS).
แหล่งที่มา : http://onislam.net/english/reading-islam/living-islam/islam-day-to/family/450492-homes-are-built-on-love.html